FAQ
คำถามที่พบบ่อย
เกี่ยวกับระบบรับจอง
Q : เริ่มลงทะเบียนจองเข้าร่วมโครงการเมื่อใด
A : ระบบรับจองเปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิเข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่วันที่ 9 – 13 กันยายน
2563 ค่ะ
Q : หากเข้าระบบรับจองไม่ได้ ต้องทำอย่างไร
A : โปรดกด Refresh หน้าเว็บไซต์ หรือตรวจสอบสัญญาณอินเตอร์เน็ต
Q : การลงทะเบียนจองสิทธิได้ที่ใดบ้าง
A : รับจองผ่านระบบรับจอง tcondo.ocsc.go.th เท่านั้นค่ะ
Q : การลงทะเบียนจองสิทธิต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือไม่
A : การลงทะเบียนจองสิทธิ ทำได้โดยเข้าสู่ระบบจองสิทธิผ่าน tcondo.ocsc.go.th
เพื่อลงทะเบียนพร้อมแนบไฟล์หลักฐานประกอบให้ครบถ้วน โดยขั้นตอนนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
ค่ะ
Q : บัตรข้าราชการพลเรือนหมดอายุ ใช้ลงทะเบียนจองสิทธิได้หรือไม่
A : ไม่ได้ บัตรข้าราชการพลเรือนจะต้องยังไม่หมดอายุ โดย
ไฟล์หลักฐานที่ใช้ มีดังนี้ค่ะ
- สำเนาบัตรข้าราชการพลเรือน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองรายได้จากหน่วยงาน
- เอกสารที่ส่วนราชการต้นสังกัดยินยอมให้หักเงินเดือนพร้อมระบุสถานที่ปฏิบัติงานของผู้จองสิทธิของผู้จองสิทธิ หรือ เอกสารรับรองระบุสถานที่ปฏิบัติงานของผู้จองสิทธิ
Q : หากมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ต้องแนบไฟล์หลักฐานการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลหรือไม่
A : ไม่ต้องแนบไฟล์ แต่ชื่อ-นามสกุลในบัตรข้าราชการพลเรือนต้องตรงกับชื่อปัจจุบัน
Q : หากแนบไฟล์เอกสารหลักฐานผิดต้องทำอย่างไร
A : หากท่านแนบไฟล์หลักฐานไม่ถูกต้อง ต้องยกเลิกการจองเดิม
แล้วลงทะเบียนจองใหม่ภายในระยะเวลาการเปิดรับจองของโครงการนั้น ๆ
Q : หากเอกสารหลักฐานที่ใช้ในการลงทะเบียนยังไม่ครบ จะลงทะเบียนจองสิทธิก่อนแล้วมาแนบไฟล์เอกสารในระบบรับจองภายหลังได้หรือไม่
A : ขออภัยค่ะ
ผู้จองสิทธิต้องแนบไฟล์เอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนในระบบรับจองในครั้งเดียวกันนั้น
มิฉะนั้นจะถือว่าการจองไม่สมบูรณ์ค่ะ
Q : สามารถส่งเอกสารหลักฐานทางไปรษณีย์ได้หรือไม่
A : ผู้จองสิทธิต้องแนบไฟล์เอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนในระบบรับจองเท่านั้น
และไม่สามารถส่งเอกสารทางไปรษณีย์ได้ค่ะ
Q : จะสามารถตรวจสอบผลการคัดเลือกให้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการได้อย่างไร
A :
ผู้จองสามารถตรวจสอบผลการจองและผลการคัดเลือกให้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการได้ผ่านเว็บไซต์ของระบบรับจองโดยใช้
username และรหัสผ่านที่ได้ลงทะเบียนไว้ค่ะ
Q : หากต้องการยกเลิกการจองต้องทำอย่างไร
A : ผู้จองสามารถยกเลิกได้ โดยกดเลือก “ลบ” การจองในระบบรับจองก่อนวันปิดรับจองค่ะ
Q : เมื่อลงทะเบียนจองแล้ว เปลี่ยนโครงการได้หรือไม่
A : ได้ค่ะ ให้กดยกเลิกการจองเดิม แล้วลงทะเบียนจองใหม่
โดยต้องเข้ามาจองใหม่ภายในวันที่เปิดระบบรับจองนะคะ
Q : สามารถระบุชั้น หรือห้องในการจองได้หรือไม่
A : ขออภัยค่ะ ผู้จองไม่สามารถระบุชั้นหรือห้องในการจองได้ แต่จะใช้วิธีจับฉลาก
เมื่อเป็นผู้ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการแล้ว
Q : หลักฐานที่ใช้ในการจองสิทธิประกอบด้วยอะไรบ้าง
A :
- สำเนาบัตรข้าราชการพลเรือน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สลิปเงินเดือน หรือหนังสือรับรองรายได้จากหน่วยงาน
- เอกสารที่ส่วนราชการต้นสังกัดยินยอมให้หักเงินเดือนพร้อมระบุสถานที่ปฏิบัติงานของผู้จองสิทธิของผู้จองสิทธิ หรือ เอกสารรับรองระบุสถานที่ปฏิบัติงานของผู้จองสิทธิ
Q : นอกจากการจองผ่านระบบรับจองในเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ. สามารถจองผ่านช่องทางอื่นได้หรือไม่ เช่น ณ กรมธนารักษ์ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่ หรือ สำนักงาน ก.พ.
A : โครงการฯ เปิดให้จองผ่านระบบรับจองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ. เท่านั้น
ไม่สามารถจองผ่านช่องทางอื่น ๆ ได้ค่ะ
แต่สามารถเข้าระบบรับจองออนไลน์ดังกล่าวผ่านเว็บไซต์กรมธนารักษ์ก็ได้
Q : เหตุใดโครงการฯ จึงไม่เปิดให้จองผ่านช่องทางอื่น และสามารถจองผ่านระบบรับจองในเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ. ได้เพียงช่องทางเดียว
A : เพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว ในการตรวจสอบคุณสมบัติ
ผู้จอง ซึ่งจะตรวจและประมวลผลกับฐานข้อมูลของสำนักงาน ก.พ.
ประกอบกับต้องจัดส่งข้อมูลและเอกสารหลักฐานประกอบการจองเข้าร่วมโครงการเพื่อให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ตรวจสอบเครดิตเบื้องต้น
(pre approve )
Q : การจองผ่านระบบรับจองในเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ. มีขั้นตอนที่ยุ่งยากหรือไม่ ผู้ที่ไม่ชำนาญในการใช้คอมพิวเตอร์สามารถจองได้หรือไม่
A : สำนักงาน ก.พ. ได้ทำการออกแบบและพัฒนาระบบให้ใช้งานได้งาน โดยยึดหลัก User friendly
เพียงท่านเตรียมไฟล์เอกสารให้พร้อม ก็สามารถเข้ามาจองได้ ไม่ยุ่งยากค่ะ ทั้งนี้
สามารถศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับโครงการได้ในเว็บไซต์สำนักงาน ก.พ.
และเว็บไซต์กรมธนารักษ์
Q : หากสนใจจองโครงการฯ สามารถจองได้ในทุกพื้นที่โครงการที่เปิดให้จองได้หรือไม่
A : ผู้จองต้องมีสถานที่ทำงานหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ของโครงการนั้น
โดยเลือกได้ 1 โครงการค่ะ
เกี่ยวกับภาพรวมโครงการ
Q : โครงการจองมีกี่โครงการ
A : โครงการที่เปิดให้จอง มีดังนี้
- กรุงเทพมหานคร เขตพระโขนง ถนนสุขุมวิท ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าบางจากประมาณ 100 เมตร จำนวน 76 ยูนิต
- กรุงเทพมหานคร เขตยานนาวา ถนนพระราม 3 จำนวน 76 ยูนิต
- กรุงเทพมหานคร เขตห้วยขวาง ถนนเพชรบุรี จำนวน 72 ยูนิต
- จังหวัดนนทบุรี อำเภอเมืองนนทบุรี ถนนรัตนาธิเบศร์ ตรงข้ามศูนย์ราชการนนทบุรี จำนวน 76 ยูนิต
- จังหวัดนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด ตั้งอยู่ติดกับวัดกู้ จำนวน 76 ยูนิต
- จังหวัดนนทบุรี อำเภอปากเกร็ด ติดถนนแจ้งวัฒนะ จำนวน 76 ยูนิต
- จังหวัดนครราชสีมา อำเภอเมืองนครราชสีมา จำนวน 76 ยูนิต
- จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จำนวน 76 ยูนิต
- จังหวัดขอนแก่น อำเภอเมืองขอนแก่น ตั้งอยู่หลังศาลปกครองขอนแก่น จำนวน 76 ยูนิต
Q : ระยะเวลาการก่อสร้างแต่ละโครงการจะแล้วเสร็จเมื่อใด
A : ตามที่วางแผนไว้ คาดว่าโครงการจะใช้เวลาในกระบวนการก่อสร้างประมาณ 12 เดือนค่ะ
Q : ขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับลักษณะอาคาร รูปแบบห้อง พื้นที่ใช้สอย จำนวนห้อง และราคา
A : ลักษณะโครงการเป็นการสร้างอาคารพักอาศัยรวม ความสูง
7 ชั้น โดยมี 2 รูปแบบ คือ
แบบที่ 1 จำนวนห้องพัก 76 ห้อง ขนาดห้องพัก 40 ตารางเมตร ราคาขาย 999,999 บาท
แบบที่ 2 จำนวนห้องพัก 71 ห้อง ขนาดห้องพัก 40 ตารางเมตร จำนวน 70 ห้อง
และขนาด 32 ตารางเมตร ราคาขาย 800,000 บาท จำนวน 1 ห้อง
Q : โครงการไหนที่มี Co-Working Space
A : โครงการที่เปิดรับจองนี้ ยังไม่มี Co-Working Space โดยคณะกรรมการอาจพิจารณาจัดให้มี
Co-Working Space ในโครงการในระยะต่อไปที่มีพื้นที่เหมาะสม
Q : ค่าเช่าที่ดินแพงหรือไม่ ต้องชำระค่าเช่าตารางวาละเท่าใด
A : กรมธนารักษ์ผ่อนปรนอัตราค่าเช่า ร้อยละ 25
จากอัตราปกติที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ
โดยค่าเช่าที่ดินจะขึ้นอยู่กับราคาประเมินของที่ดินในแต่ละแปลงด้วย
ซึ่งค่าเช่าที่ดินของโครงการฯ เป็นราคาที่ต่ำมาก ๆ เลยค่ะ
Q : แปลงนำร่องที่จะเปิดจองและดำเนินการก่อสร้างคือที่ใด
A : ปัจจุบันได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ของการดำเนินโครงการในที่ราชพัสดุ 9 แปลง
ประกอบด้วย ในกรุงเทพมหานคร 3 แปลง จังหวัดนนทบุรี จำนวน 3 แปลง จังหวัดนครราชสีมา
จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดละ 1 แปลง
เกี่ยวกับคุณสมบัติผู้มีสิทธิ
Q : คุณสมบัติผู้ที่ลงทะเบียนจองสิทธิได้มีอะไรบ้าง
A : คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการมีดังนี้
- เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
- หน่วยงานต้นสังกัดต้องมีหนังสือให้ความเห็นชอบและยินยอมให้หักเงินเดือนเป็นค่าผ่อนชำระค่าก่อสร้าง
- สามารถรับเงื่อนไขการกู้จากสถาบันการเงินและต้องดำเนินการจัดเตรียมและส่งอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่สถาบันการเงินกำหนด
Q : ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
A : ผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการต้องเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
และมีสถานที่ทำงานหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่พื้นที่โครงการตั้งอยู่
(ภูมิลำเนาในที่นี้หมายถึงที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ซึ่งต้องอยู่อาศัยมาไม่ต่ำกว่า 1 ปี
นับถึงวันจอง)
Q : ข้าราชการครู ข้าราชการอื่น ข้าราชการบำนาญ พนักงานราชการ จองสิทธิได้หรือไม่
A : เปิดให้จองเฉพาะข้าราชการพลเรือนสามัญเท่านั้นค่ะ
Q : ข้าราชการประเภทอื่น หรือบุคลากรประเภทอื่นของรัฐสามารถเข้าร่วมโครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ ได้หรือไม่
A :
โครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการจัดสวัสดิการและเสริมสร้างคุณภาพงานคุณภาพชีวิตให้แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ทั้งนี้ ข้าราชการประเภทอื่น หรือบุคลากรประเภทอื่นของรัฐ
จะสามารถเข้าร่วมโครงการได้ในกรณีที่หน่วยงานต้นสังกัดส่งคืนที่ราชพัสดุเพื่อนำมาดำเนินโครงการฯ
ซึ่งจะพิจารณาเป็นรายหน่วยงานไปค่ะ
Q : มีการกำหนดอายุราชการในการจองสิทธิหรือไม่
A : ไม่กำหนดค่ะ
Q : สามารถจองสิทธิได้หรือไม่หากจะเกษียณอายุราชการ วันที่ 30 กันยายน 2563
A : ได้ค่ะ การพิจารณาคุณสมบัติของผู้จอง จะพิจารณาสถานะข้าราชการพลเรือน ณ
วันที่สมัครจองสิทธิ
เกี่ยวกับเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ
Q : จองได้กี่พื้นที่ / จองหลายโครงการได้หรือไม่
A : ผู้จองต้องมีสถานที่ทำงานหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ของโครงการนั้น
โดยให้เลือกจองได้ 1 โครงการเท่านั้น
Q : โอนสิทธิให้ลูกได้ตอนไหน
A : สามารถโอนสิทธิให้ทายาทหรือคู่สมรสได้เมื่อผ่อนชำระไม่น้อยกว่า 3 ปี
และสามารถโอนสิทธิให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้ เมื่อครบกำหนด 5 ปี
Q : หากลูกไม่ได้เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ จะโอนสิทธิคอนโดให้ได้หรือไม่
A : ได้ เมื่อผ่อนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี
และยังสามารถโอนสิทธิให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้ เมื่อครบกำหนด 5 ปี
Q : มีคู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน จะโอนสิทธิให้ได้หรือไม่
A : ไม่ได้ค่ะ
Q : โอนให้พี่หรือน้องได้หรือไม่
A : สามารถโอนสิทธิให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้ เมื่อครบกำหนด 5 ปี
Q : ถ้าลาออกจากข้าราชการพลเรือนสามัญจะยังมีสิทธิในคอนโดอยู่หรือไม่
A : ยังคงมีสิทธิอยู่ค่ะ
Q : สิทธิในคอนโด สามารถทำพินัยกรรมเพื่อโอนสิทธิให้ทายาทได้หรือไม่
A : กรรมสิทธิ์ห้องพักอาศัยเป็นของผู้ได้รับสิทธิสามารถทำพินัยกรรมได้
Q : หากได้รับสิทธิแล้ว ขอยกเลิกได้หรือไม่ ต้องทำอย่างไร
A : หากได้รับสิทธิแล้วและไม่มาทำสัญญาตามที่โครงการกำหนดจะถือว่าสละสิทธิ์ทันที
โครงการจะเรียกผู้จองลำดับถัดไปมารับสิทธิแทน
Q : หากโอนหรือย้ายจังหวัดที่ปฏิบัติงานระหว่างการผ่อนชำระ และยังไม่ครบ 5 ปี จะสามารถโอนสิทธิได้หรือไม่
A : สามารถโอนสิทธิให้ทายาทหรือคู่สมรสได้เมื่อผ่อนชำระไม่น้อยกว่า 3 ปี
และสามารถโอนสิทธิให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้ เมื่อครบกำหนด 5 ปี
Q : ซื้อคอนโดแล้วโอนให้ใครได้บ้าง
A : สามารถโอนสิทธิให้ทายาทหรือคู่สมรสได้เมื่อผ่อนชำระไม่น้อยกว่า 3 ปี
และสามารถโอนสิทธิให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้ เมื่อครบกำหนด 5 ปี
Q : เมื่อได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิโครงการฯ สามารถโอนสิทธิได้หรือไม่ อย่างไร
A : สามารถโอนสิทธิให้ทายาทหรือคู่สมรสได้เมื่อผ่อนชำระไม่น้อยกว่า 3 ปี
และสามารถโอนสิทธิให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้ เมื่อครบกำหนด 5 ปี
Q : ถ้ามีบ้านหรือคอนโดเป็นของตนเองอยู่แล้ว หรืออยู่ระหว่างการผ่อนบ้านหรือคอนโด สามารถจองสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ได้หรือไม่
A : ผู้ที่มีคุณสมบัติตามประกาศฯ สามารถเข้าร่วมโครงการได้
Q : หากสนใจจองเข้าร่วมโครงการฯ ต้องดำเนินการอย่างไร
A : ต้องจัดเตรียมไฟล์เอกสารหลักฐานประกอบการจองตามที่กำหนดให้ครบถ้วน
และสามารถเข้าไปจองได้ในเว็บไซต์ tcondo.ocsc.go.th
เกี่ยวกับการคัดเลือกผู้ได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิ
Q : ใครพิจารณาว่าจะได้รับสิทธิหรือไม่
A : การพิจารณาผู้ได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิ
จะดำเนินการโดยคณะกรรมการอำนวยการโครงการบูรณาการสวัสดิการ
ที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ
โดยพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการฯ ค่ะ
Q : การคัดเลือกผู้ได้รับสิทธิมีหลักเกณฑ์พิจารณาอย่างไร
A : หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกให้รับสิทธิ มีดังนี้
- มีสถานที่ทำงานอยู่ในพื้นที่โครงการ หรือ
- มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่โครงการ (ภูมิลำเนาในที่นี้หมายถึงที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน ไม่ต่ำกว่า 1 ปี นับถึงวันจองเท่านั้น)
เกี่ยวกับหน้าที่ของผู้ได้รับสิทธิ
Q : หากไม่มีบัญชีเงินฝากธนาคารอาคารสงเคราะห์สามารถร่วมโครงการได้หรือไม่
A : ได้ค่ะ โดยเมื่อได้รับสิทธิแล้ว จะต้องเปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคารอาคารสงเคราะห์และออมเงินจำนวนเดือนละ 4,000 บาท เป็นระยะเวลา 12 เดือน เพื่อนำเงินออมส่วนนี้ชำระเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับโครงการ หากไม่ดำเนินการหรือกรณีขาดฝากเงินเป็นระยะเวลาติดต่อกันจำนวน 2 งวด จะพ้นสภาพจากผู้ได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิ
Q : เมื่อได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิแล้ว ผู้ได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิมีหน้าที่ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
A : เมื่อท่านเป็นผู้ได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิ มีหน้าที่ในการดำเนินการ ดังนี้
- ต้องเปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคารอาคารสงเคราะห์และออมเงินจำนวนเดือนละ 4,000 บาท เป็นระยะเวลา 12 เดือน เพื่อนำเงินออมส่วนนี้ชำระเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับโครงการ หากไม่ดำเนินการหรือกรณีขาดฝากเงินเป็นระยะเวลาติดต่อกันจำนวน 2 งวด จะพ้นสภาพจาก ผู้ได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิ
- จัดเตรียมค่าใช้จ่ายและเอกสารประกอบการจัดทำสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุกับกรมธนารักษ์ จัดทำสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างกับบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด รวมทั้งต้องแสดงรายงานข้อมูลเครดิตที่ตรวจสอบด้วยตนเองผ่านช่องทางต่าง ๆ หรือลงนามในหนังสือยินยอมให้เปิดเผยรายงานข้อมูลเครดิต แก่ธนาคารอาคารสงเคราะห์พร้อมเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ และจัดทำสัญญากับธนาคารอาคารสงเคราะห์
Q : ผู้ได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิสามารถจ่ายค่าห้องพักอาศัยเป็นเงินสดได้หรือไม่
A : ไม่สามารถจ่ายเงินสดได้ค่ะ ผู้ได้รับสิทธิต้องเข้าร่วมโครงการเงินกู้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์เพื่อชำระค่าก่อสร้างโดยมีระยะเวลาในการผ่อนชำระไม่น้อยกว่า 3 ปี ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนดเท่านั้น
Q : ธนาคารจะตรวจสอบเครดิตบูโรตอนไหน
A : เมื่อมีรายชื่อเป็นผู้ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการแล้ว โดยต้องแสดงรายงานข้อมูลเครดิตที่ตรวจสอบด้วยตนเองผ่านช่องทางต่าง ๆ หรือลงนามในหนังสือยินยอมให้เปิดเผยรายงานข้อมูลเครดิตแก่ธนาคารสงเคราะห์พร้อมเอกสารประกอบการขอสินเชื่อ
เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์
Q : เมื่อซื้อแล้วได้กรรมสิทธิ์ห้องและที่ดินใช่หรือไม่
A : จะได้กรรมสิทธิ์ห้องพักอาศัย และสิทธิการเช่าที่ดินราชพัสดุ เป็นระยะเวลา 30 ปี (และอาจต่ออายุสัญญาเช่าได้)
Q : ขายต่อได้หรือไม่
A : สามารถโอนสิทธิให้ทายาทหรือคู่สมรสได้เมื่อผ่อนชำระไม่น้อยกว่า 3 ปี และสามารถโอนสิทธิให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้ เมื่อครบกำหนด 5 ปี
Q : ราคาผ่อนชำระเดือนละเท่าไร
A : จำนวนเงินที่ผ่อนชำระจะเป็นไปตามเงื่อนไขสินเชื่อของธนาคารอาคารสงเคราะห์ค่ะ
Q : การผ่อนชำระเป็นระยะเวลากี่ปี ผ่อนเริ่มต้นประมาณ เดือนละเท่าไร
A : ระยะเวลาการผ่อนชำระตามเงื่อนไขสินเชื่อจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของผู้กู้ค่ะ
Q : ค่าผ่อนคอนโดจะนำมาเบิกค่าเช่าบ้านตามระเบียบราชการได้หรือไม่
A : ค่าผ่อนชำระสามารถนำไปเบิกค่าเช่าบ้าน/ค่าเช่าซื้อได้ตามสิทธิ รวมทั้งการนำสิทธิการเช่าไปผูกพันในการกู้เงินสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการได้ตามระเบียบด้วยค่ะ
Q : เริ่มจ่ายเงินครั้งแรกตอนไหน
A : ต้องเปิดบัญชีออมทรัพย์กับธนาคารอาคารสงเคราะห์และออมเงินจำนวนเดือนละ 4,000 บาท เป็นระยะเวลา 12 เดือน เพื่อนำเงินออมส่วนนี้ชำระเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับโครงการ หากไม่ดำเนินการหรือกรณีขาดฝากเงินเป็นระยะเวลาติดต่อกันจำนวน 2 งวด จะพ้นสภาพจากผู้ได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิ
Q : หากได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการ จะกู้เงินกับธนาคารอื่น ที่ไม่ใช่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้หรือไม่
A : ขออภัยค่ะ ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากโครงการได้จัดทำบันทึกความร่วมมือไว้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ในการอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการให้สินเชื่อไว้เพียงแห่งเดียวค่ะ
Q : กรณียื่นกู้เงินกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ไม่ผ่าน ต้องทำอย่างไร
A : กรณีผู้ได้รับคัดเลือกให้รับสิทธิซึ่งยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอาคารสงเคราะห์แล้วไม่ผ่านมาตรการสินเชื่อ จะหมดสิทธิ
เข้าร่วมโครงการ และโครงการจะเรียกผู้ได้รับคัดเลือกลำดับสำรองให้ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ต่อไป
Q : ผู้ได้รับสิทธิจะได้รับสิทธิประโยชน์จากโครงการฯ อย่างไรบ้าง
A :
- สิทธิการเช่า 30 ปี และอาจต่ออายุสัญญาเช่าได้
- กรมธนารักษ์ผ่อนปรนอัตราค่าเช่า ร้อยละ 25 จากอัตราปกติที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ และยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุสัญญาเช่า
- สามารถนำสิทธิการเข้าร่วมโครงการไปเบิกค่าเช่าบ้าน/ ค่าเช่าซื้อได้ตามสิทธิ รวมทั้งการนำสิทธิการเช่าไปผูกพันในการกู้เงินสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการได้ตามระเบียบ สามารถให้ทายาทเข้าอยู่อาศัยร่วมกับผู้เข้าร่วมโครงการได้ แต่ต้องไม่นำไปจัดให้บุคคลอื่นอยู่อาศัยหรือให้เช่าช่วง
อื่นๆ
Q : รูปภาพใหญ่เกินไปทำอย่างไร / วิธีย่อขนาดไฟล์รูปภาพ
ขั้นตอนที่ 2 - คลิกเมนู Resize ใส่ขนาดรูปภาพที่ต้องการ จะใส่เป็นเปอร์เซนต์(Percentage) หรือ พิกเซล(Pixels) ก็ได้ จากนั้นคลิก OK เพื่อย่อขนาดรูปภาพ
ขั้นตอนที่ 3 - หากต้องการตัดภาพสามารถใช้เมนู Select ลากคลุมพื้นที่ที่ต้องการตัด และคลิป Crop เพื่อตัดภาพได้ ดังภาพด้านล่าง
ขั้นตอนที่ 4 - บันทึกภาพโดยการคลิกที่ File > Save As > JPEG picture
ขั้นตอนที่ 5 - ตรวจเช็คขนาดรูปภาพว่าเป็นไปตามต้องการหรือไม่ หากยังไม่พอให้ทำซ้ำจากขั้นตอนที่ 1